ปัจจุบันนี้การรับประทานอาหารเพื่อลดน้ำหนักนั้นมีอยู่มากมายหลายสูตรให้เราได้เลือกใช้หรือนำมาปรับใช้ให้เข้ากับชีวิตประจำวันของเรา หนึ่งในการรับประทานอาหารเพื่อลดน้ำหนักที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากก็คือการรับประทานอาหารคีโต หรือที่เรียกกันว่าการทานคีโต โดยการทานคีโตนี้เป็นการงดเว้นการทานแป้งหรือการลดการรับประทานปริมาณคาร์โบไฮเดรตลงให้เหลือไม่เกิน 50 กรัมต่อวัน และเพิ่มปริมาณการรับประทานโปรตีนและไขมันแทน การทานแบบนี้เป็นการทานเพื่อให้ร่างกายนั้นผลิตสารคีโตนและเข้าสู่ภาวะคีโตสิส หรือที่เรียกว่าการดึงเอาไขมันมาใช้เป็นพลังงานหลักแทนกลูโคสหรือน้ำตาลนั่นเอง โดยการลดน้ำหนักแบบนี้เป็นการรับประทานที่ค่อนข้างเสี่ยงเลยทีเดียวหากรับประทานไม่ถูกต้อง ดังนั้นในวันนี้เราจะมาแนะนำวิธีการรับประทานอาหารแบบคีโตให้ถุกวีและปลอดภัยกันว่าต้องทำอย่างไรบ้าง
วิธีการทานคีโตให้ถูกต้องและปลอดภัย
ในการทานคีโตนั้นหลายคนอาจจะเข้าใจว่าต้องทานไขมันเยอะ ๆ ซึ่งอาจจะทำให้ส่งผลเสียต่อร่างกายได้หากทานไม่ถูกวิธี มาดูกันว่าการทานคีดตที่ถูกต้องและปลอดภัยนั้นต้องทานยังไงบ้าง
- การทานคีโตนั้นเป็นการเลือกทานไขมันเป็นหลัก แต่ต้องทานไขมันที่ไม่อิ่มตัวโดยจะแบ่งออกเป็น 2 ชนิดคือไขมันที่เป็นแหล่งของกรดไขมันไม่อิ่มตัวชนิด Monounsaturated fatty acid อย่างเช่น น้ำมันมะกอก น้ำมันรำข้าว อะโวคาโด อัลมอลด์ เมล็ดมะม่วงหิมพานต์ วอลนัท ฯลฯ กับอีกชนิดหนึ่งคือไขมันที่เป็นแหล่งของกรดไขมันไม่อิ่มตัวชนิด Polyunsaturated fatty acid อย่างเช่น น้ำมันข้าวโพด น้ำมันเมล็ดดอกคำฝอย น้ำมันเมล็ดดอกทานตะวัน น้ำมันถั่วเหลือง น้ำมันงา รวมไปถึงปลาทะเลที่อุดมไปด้วยไขมันไม่อิ่มตัว เป็นต้น นอกจากนี้การทานคีโตบางสูตรจะเน้นการทานไขมันที่มีกรดไขมันอิ่มตัวแบบ Medium-chain triglyceride ด้วยเพื่อให้เกิดภาวะคีโตสิสที่เร็วขึ้น
- การทานคีโตนั้นสามารถทานไขมันอิ่มตัวบางอย่างได้ เช่น น้ำมันปาล์ม เป็นต้น แต่ว่าการทานไขมันอิ่มตัวอาจทำให้มีปัญหาต่อสุขภาพในอนาคตได้ อย่างเช่นโรคหลอดเลือดหัวใจหรือไขมันอุดตัน ดังนั้นไม่ควรมานในปริมาณที่มากจนเกินไปหรือหากเลี่ยงได้ก็ไม่ควรทานเลยจะดีกว่า
เห็นได้ว่าการทานคีโตนั้นสามารถช่วยลดน้ำหนักได้จากการใช้ไขมันมาลดไขมัน แต่ควรรับประทานให้ถูกต้องและมีวินัยในการรับประทานอย่างสม่ำเสมอ เนื่องจากการลดน้ำหนักแบบเร่งรัดรวดเร็วทำให้น้ำหนักที่ลดลงนั้นไม่ยั่งยืนอาจเกิดโยโย่เอฟเฟคในภายหลังได้